วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

7 สุดยอดอาหารสำหรับบำรุงไต

/data/content/26300/cms/e_bfghlru13689.jpg
          โรคไตเป็นโรคที่อยู่คู่กับมนุษย์มาช้านาน นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตสูงอีกด้วย แต่การปรับพฤติกรรมการกินเล็กน้อย ก็สามารถลดความเสี่ยงที่เป็นโรคไตได้แล้ว ดังนี้
          1.กระเทียมสดและหัวหอม เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านอาการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอล และประกอบด้วยสารแอนติออกซิแดนต์ที่ต้านโรคมะเร็ง
         2.พืชตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลีสีเขียวเข้ม (เคล) บร็อกโคลี่ ประกอบไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินซีและเค ที่ดีต่อไต
         3.ไข่ขาว มีโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กที่ดีต่อไต
         4.ปลาสด เช่น แซลมอน เทราต์ และซาร์ดีน มีโปรตีนและโอเมกา 3 ที่มนุษย์ไม่สามารถผลิตเอง โดยการกินปลาสดเป็นประจำจะลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอลสูง
         5.แครนเบอร์รี่ จะช่วยเพิ่มความเป็นกรดของปัสสาวะ ซึ่งลดความเสี่ยงในการเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
         6.แอปเปิ้ล การกินแอปเปิ้ลช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และคอเลสเตอรอลสูง
         7.น้ำมันมะกอก จำนวนประชาชนที่เป็นโรคหัวใจหรือมะเร็งในประเทศที่มีการใช้น้ำมันมะกอก น้อยกว่าประเทศที่ใช้น้ำมัน โดยน้ำมันมะกอกเต็มไปด้วยสารแอนติออกซิแดนต์ที่ต้านโรคมะเร็งได้

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

9 ท่าเซ็กส์ที่ผู้ชายชอบ และทำให้สาวคนรักไปถึงจุดสุดยอด

ท่าเซ็กส์
          หลากหลายท่าเซ็กส์ที่ผู้ชายชอบ ที่ทำให้หนุ่ม ๆ และแฟนสาวมีความสุขสุดเหวี่ยง จนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

          แน่นอนว่าการมีเซ็กส์กับคนพิเศษนั้น มีส่วนช่วยสานความสัมพันธ์ของคู่รักให้กระชับแน่นแฟ้นมากขึ้นและต่างสุขสมด้วยท่าร่วมเพศต่าง ๆ โดยวันนี้กระปุกดอทคอมได้หยิบเอา 9 ท่าเซ็กส์ยอดนิยมของผู้ชายจากเว็บไซต์ mensfitness มาบอกกันด้วย ดูสิว่าจะมีท่าที่คุณชอบอยู่ด้วยหรือเปล่า
           ท่ามิชชันนารี (Missionary)

          เรียกได้ว่าท่ามิชชันนารีเป็นท่าเซ็กส์ที่ผู้ชายชอบมาก เพราะเป็นท่าเบสิกที่เข้าด้ายเข้าเข็มสุด ๆ โดยผู้ชายอยู่บนและผู้หญิงนอนหงายอยู่ล่างพร้อมกางขาออกเล็กน้อย ช่วยให้ผู้ชายสอดใส่ได้ลึกและผู้หญิงไม่เหนื่อยง่าย แถมได้สบตากันด้วย ซึ่งทาง ดอเรียน โซลอท นักเพศศึกษา บอกว่าท่ามิชชันนารีอาจไม่มีอะไรหวือหวานัก แต่ฝ่ายหญิงชอบที่ได้ใกล้ชิดสุด ๆ กับแฟนหนุ่มของตัวเอง ส่วน โลรา โซโมซา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศสัมพันธ์ เสริมว่า การที่จะทำให้ผู้หญิงมีความสุขมากขึ้นด้วยท่ามิชชันนารี ฝ่ายชายควรเปลี่ยนมุมการสอดใส่บ้าง แทนการเข้า-ออกตรง ๆ แบบเดิม ซึ่งจะช่วยให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้รวดเร็วขึ้น

ท่าเซ็กส์

           ท่าคาวบอยสาวนั่งหันหลัง (Reverse Cowgirl)

          ท่าคาวบอยสาวนั่งหันหลังจัดได้ว่าเป็นท่าที่เพิ่มความสนุกให้ผู้ชายมากเลยทีเดียว เพราะผู้ชายนอนหงายอยู่ข้างล่างแทน ขณะที่ฝ่ายหญิงจะนั่งหันหลังให้ พร้อมกับคร่อมจ้าวโลกไว้ โดย เมแกน แอนเดลโลซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศศาสตร์ บอกว่าท่านี้ช่วยให้ฝ่ายชายเข้าถึงจุดคลิตอริสได้ง่าย ส่งผลให้ฝ่ายหญิงเสร็จง่ายสุด ๆ  

           ท่าด๊อกกี้ สไตล์ (Doggie Style)

          การทำท่าด๊อกกี้ สไตล์ เป็นอีกท่าเซ็กส์ที่ผู้ชายชอบทำ เพราะสามารถสอดใส่ได้ลึกขึ้น ขณะที่ผู้หญิงจะอยู่ในท่าคลานสี่ขาหันหลังให้ผู้ชาย โดย เอมี เลอวีน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์อย่าง igniteyourpleasure บอกว่า ท่าด๊อกกี้ สไตล์ ทำให้ฝ่ายหญิงสามารถขยับสะโพกในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองถึงจุดสุดยอดได้ดี ส่วน ดร.กลอเรีย เบรม นักเพศศาสตร์ เผยว่าผู้ชายสามารถใช้มือหรือเซ็กส์ทอย กระตุ้นจีสปอต ช่วยให้เธอถึงจุดสุดยอดอย่างมีความสุขได้ด้วย

ท่าเซ็กส์
           ท่าผู้หญิงอยู่ข้างบน (Girl on Top)

          นับว่าเป็นท่าที่ทำให้ผู้ชายเพลินสุด ๆ และผู้หญิงมีความสุขมาก เพราะฝ่ายชายนอนหงายให้ฝ่ายหญิงนั่งคร่อมน้องชาย โดยหันหน้าเข้าหากัน ด้าน โลรา ซาโมซา กล่าวว่า ผู้ชายควรจับสะโพกแฟนสาวเพื่อบังคับจังหวะการโยกของเธอ ไม่เพียงเท่านี้ เอมี เลอวีน เสริมว่า ท่านี้ช่วยให้ฝ่ายหญิงมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะว่าเธอเป็นคนควบคุมจังหวะและการสอดใส่นั่นเอง

           ท่าสปูนนิ่ง (Spooning)

          ท่าที่ผู้ชายโอบกอดตัวและสอดใส่ผู้หญิงจากด้านหลัง ซึ่งผู้ชายสามารถใช้มือสัมผัสจุดต่าง ๆ ของฝ่ายหญิงได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก เอว หรือจุดลับ โดย เมแกน แอนเดลโลซ์ กล่าวว่า ท่าสปูนนิ่งจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกฟิน เพราะจุดลับของฝ่ายหญิงจะรัดจ้าวโลกแน่นขึ้นยังไงล่ะ 

ท่าเซ็กส์
           ท่าคริสครอส (Crisscross)

          อาจจะดูเหมือนจัดท่ายากไปหน่อยสำหรับท่าคริสครอส เพราะทั้งสองคนต้องนอนตะแคงข้างและให้ฝ่ายชายสอดเข้าจากข้างหลัง โดยมีลักษณะคล้ายตัว “X” แต่รับรองว่าคุณผู้ชายจะฟินจนบอกไม่ถูกแน่นอน ซึ่งทาง มาร์แชล มิลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศสัมพันธ์เสริมว่า ท่านี้ช่วยให้ผู้หญิงสามารถใช้นิ้วกระตุ้นคลิตอริสของตัวเองได้สะดวกด้วย

           เทคนิคใช้หมอนช่วย (The Pillow Technique)

          การใช้หมอนหรือผ้าห่มหนา ๆ มาเสริม ขณะร่วมรักในท่าต่าง ๆ ช่วยเปิดมุมใหม่ ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น หากใช้หมอนรองสะโพกของฝ่ายหญิงในท่ามิชชั่นนารี จะทำให้กระดูกเชิงกรานของเธอยกขึ้น ช่วยให้ฝ่ายชายสอดใส่ได้ง่ายลึกกว่าเดิม ด้าน ดร.กลอเรีย เบรม เสริมว่า แม้ว่าการใช้หมอนจะทำให้ผู้ชายรู้สึกมีความสุข แต่ฝ่ายหญิงอาจรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรนักกับบางท่า และถ้าจะให้ดี ควรถามเธอก่อนว่าให้วางหมอนตรงไหน 

ท่าเซ็กส์
           เทคนิคสองเราเท่ากัน (Coital Alignment Technique)

          ก่อนที่จะใช้เทคนิคนี้ ให้เริ่มร่วมรักกับท่ามิชชั่นนารีแบบปกติสักพัก แล้วเริ่มเทคนิคดังกล่าวโดยให้ฝ่ายชายยกสะโพกของฝ่ายหญิงขึ้น ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนมุมการสอดใส่จากเข้า-ออก เป็นขึ้น-ลง ส่งผลให้จ้าวโลกเข้าถึงคลิตอริสโดยตรงและผู้ชายสามารถเพิ่มความแรงของการโยกได้อีกด้วย นอกจากนี้ เอ็ดเวิร์ด ไอเชล นักจิตวิทยา กล่าวว่าเทคนิคนี้เป็นท่าเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก ส่วน เอมี เลอวีน เสริมว่า คู่รักบางคู่บอกว่าเทคนิคข้างต้น ทำให้ร่างกายของพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคลิตอริสได้ดีมาก

           ท่าขาพาดบ่า (Ankles Up)

          เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งท่าเซ็กส์ที่ผู้ชายชอบมาก เพราะขาทั้งสองข้างของผู้หญิงที่ยกมาพาดบ่าไว้ ช่วยเปิดจุดสงวนของเธอให้กว้างขึ้นและฝ่ายชายสอดใส่ได้ลึกสุด ๆ เท่าที่จะเข้าไปได้ โดย ดร.กลอเรีย เบรม บอกว่า การยกขาฝ่ายหญิงขึ้นนั้น ช่วยให้ฝ่ายชายเข้าถึงจีสปอตง่ายกว่าท่าอื่น ๆ นั่นเอง

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 ท่าออกกำลังกาย ทำทุกวัน ผอมลงแน่ๆ!

ท่าที่ 1 วิ่งอยู่กับที่ 
     การออกกำลังกายโดยวิ่งอยู่กับที่ดูจะง่ายที่สุดโดยไม่ต้องใช้พื้นที่หรืออุปกรณ์ใดๆ แต่แนะนำให้ใส่รองเท้าวิ่งเพื่อไม่ให้ข้อเท้าได้รับบาดเจ็บ สำหรับการเผาผลาญแคลอรี่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่วิ่งกับน้ำหนักตัวด้วย สำหรับสาวๆ ที่น้ำหนักตัวน้อยกว่า อาจเผาผลาญไม่ได้มากเท่าคนที่ตัวใหญ่กว่าในเวลาพอๆ กัน

Jogging at same place




ท่าที่ 2 ย่อเข่าเกร็งหน้าท้องและต้นขา 
     ท่านี้ให้ยืนตรงแล้วก้าวเท้าไปข้างหน้าข้างหนึ่ง ค่อยๆย่อตัวลงช้าๆ หลังตรง จนเข่าข้างหนึ่งแตะพื้น ต้นขาของขาหน้าตั้งฉากกับพื้น นับ 1-10 แล้วค่อยๆ เหยียดตัวขึ้น ทำสลับกันข้างละ 10 ครั้ง ท่านี้เผาผลาญไม่มากเท่ากับวิ่ง แต่ใช้ร่วมกันในการออกกำลังกายแต่ละครั้งก็จะดี

Lunge



ท่าที่ 3 ยึดพื้น 
     ท่ายึดพื้นแบบที่เราเห็นในการฝึกทหาร อาจยากสักหน่อยสำหรับผู้หญิง แต่เป็นอีกท่าที่เผาผลาญได้ดีมาก ฝึกไว้ ได้ความแข็งแกร่งด้วย

Push Ups



ท่าที่ 4 ท่าคลาน ยกขาไปข้างหลัง      ท่านี้ให้ทำท่าเหมือนเวลาคลาน สองมือยึดพื้น หลังตรง ส่วเข่า 2 ข้างกับพื้น แล้วเตะขายกสูงไปข้างหลังพยายามให้ขาตรง ทำข้างละ 10-20 ครั้ง 

Glutekick Backs



ท่าที่ 5 กระโดดแล้วนั่งงอเข่า 
     ให้ยืนตรง กระโดดแล้วนั่งลง ก้มตัวให้เข่าชิดหน้าอกให้มากที่สุด หลังตรง ยืนขึ้นแล้วเริ่มใหม่ 20 ครั้ง

Tuck Jumps



ท่าที่ 6 ลุก-นั่ง เหยียดตัว 
     แม้จะเผาผลาญไม่มากนักแต่ก็น่าลอง เพราะเป็นท่าง่ายๆ ให้ยืนตัวตรง แล้วย่อตัวลงมานั่งยอง มือสองข้างวางกับพื้น ค่อยๆ เหยียดขาและลำตัวไปข้างหลังให้ตรง แล้วกลับมาท่านั่งยองเหมือนเดิม ก่อนจะลึกขึ้นในท่าเริ่ม แล้วทำวนกลับมาแบบนี้ 20 ครั้ง 

Burpee



ท่าที่ 7 นอนราบ ยกขา 
     ท่านี้ง่ายและผ่อนคลาย ช่วยลดหน้าท้อง เอาเซลลูไลท์ออกไปทั้งต้นขาและหน้าท้อง ให้เริ่มด้วยการนอนราบ ค่อยๆ ยกขาทั้งสองข้างขึ้นช้าๆ โดยให้ขาเหยียดตรง ให้ยกมาจนตั้งฉากกับพื้นแล้วค่อยๆ เอาลง ทำแบบนี้ 20 ครั้ง

Leg Raises



ท่าที่ 8 แอ่นหลัง 
     ท่านี้เป็นท่าที่นอกจากจะเผาผลาญได้ดีพอสมควรแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง เริ่มด้วยการนอนคว่ำ เหยียดแขนไปข้างหลัง งอเข่าขึ้นมา แล้วจับข้อเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ โดยให้รู้สึกตึงให้มากที่สุด ทำครั้งแรกๆ ไม่ต้องนานมาก ค่อยๆทำ นับ 1-10 คลายตัวแล้วเริ่มใหม่ 10 ครั้ง

Dhanurasana



ท่าที่ 9 นอนหงาย ยกลำตัว 
     ให้นอนหงาย ชันเข่าขึ้น วางเท้ากับพื้น แล้วยกลำตัวขึ้น ประสานมือทั้งสองข้างที่ศีรษะด้านหลัง นับ 1-5 หันด้านข้างนับ 1-5 แล้ววางศีรษะกับพื้น เริ่มใหม่สลับกันทั้งสองข้าง ให้ได้ 20 ครั้ง

Crunch



ท่าที่ 10 ยืน ย่อเข่า 
     เป็นอีกท่าที่เผาผลาญแคลอรี่ได้ดี และลดเซลลูไลท์ต้นขาได้มาก ให้ยืนหลังตรง กางขาประมาณความกว้างของไหล่ ยกแขนประสานมือสองข้างไว้หลังศีรษะ ค่อยๆ ย่อตัวลงมาให้ต้นขาขนานกับพื้นนับ 1-10 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น เริ่มใหม่ไปเรื่อยๆ ให้ได้ 20 ครั้ง

Squat Hops



      ทั้งหมดนี้คือท่าออกกำลังกายที่ควรทำร่วมกันจะดีมาก เพราะนอกจากน้ำหนักจะลดแล้ว ยังได้กล้ามเนื้อและความแข็งแกร่ง เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ไม่หักโหมจนเกินไป แล้วยังได้สุขภาพดีๆ คืนมาอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศ

คนไทยเราส่วนใหญ่รู้จัก น้ำผึ้ง ในฐานะยาอายุวัฒนะ  หรืออาหารเสริมบำรุงร่างกาย มาช้านาน และใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง ในการส่งเสริมการเจริญเติบโต การฟื้นฟูระบบต่างๆของร่างกายที่สึกหรอไป หรือใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศมีความเกี่ยวข้องกัน และคนสมัยโบราณได้ใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง เพื่อเป็นยาบำรุงสุขภาพทางเพศมาช้านาน วันนี้เรามารู้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศกัน
728000-topic-ix-3
ประโยชน์ของ น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศ
1. น้ำผึ้ง จะอุดมด้วยสารที่กระตุ้นทางเพศมากมายหลายชนิด เพราะตัวผึ้งจะรวบรวมเอาน้ำหวานและสารอาหารเหล่านี้จากมวลดอกไม้นานาพรรณ เช่น ดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้ ฯลฯ และสารเหล่านี้สามารถใช้ในการปรับปรุงสุขภาพทางเพศของคนเราได้
2. น้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้ผ่านความร้อน จะอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศอ่อนๆ ตามธรรมชาติ และยังมีสารและแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น สังกะสี , วิตามินบี และอี ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของร่ายการ และสร้างเสริมสุขภาพทางเพศให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญไขมันภายในร่างกายให้กลายเป็นน้ำตาล ช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
3. วิตามินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญภายในน้ำผึ้ง จะช่วยเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนเพศชาย ที่มีชื่อว่า Testosterone และสารโบรอนในน้ำผึ้งช่วยให้ร่างกายที่สร้างฮอร์โมน Estrogen ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการเร้าอารมณ์ทางเพศ
4. หากเรารับประทานน้ำผึ้งและกระเทียมก่อนนอนเป็นประจำจะช่วยให้เรานอนหลับง่าย และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดียิ่งๆขึ้น
5. สำหรับผู้ที่มีบุตรยากเนื่องจากฝ่ายชายมีจำนวนตัวอสุจิต่ำ การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มจำนวนตัวอสุจิให้สูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวอสุจิ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกายที่มีหน้าที่ในการผลิตอสุจิทำงานดีขึ้นฮันนี่
6. การรับประทานน้ำผึ้งผสมกับน้ำผลไม้ วันละ 2 ช้อนโต๊ะเช้าเย็น จะทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายชายมีความแข็งตัวได้ดี
7. การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้น
เมื่อทราบคุณประโยชน์มากมายของน้ำผึ้งกับสุขภาวะทางเพศแล้ว คุณจะไม่หามาลองรับประทานซักหน่อยหรือ?

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ

 อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง
อาหารคลีน - ผักสด
หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง 5 หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มีผงชูรสเจือปน และจะไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร เป็นต้น
ตัวอย่างของวัตถุดิบที่จะนำมาทำอาหารคลีน
  • ผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษ
  • เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆที่สดและสะอาด
  • ข้าวกล้องไม่ขัดสี และ ธัญพืชต่าง ๆ
  • น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดที่มีกรดไขมันชนิดดี ใช้แทนน้ำมันปาล์มได้เลย (แต่แอบราคาสูงกว่าพอควรเลย) และควรใช้ในปริมาณที่น้อย
อีกทั้งในการปรุงอาหารไม่ควรปรุงให้อาหารคลีนของเรานั้นมีรสจัดจนเกินไป และ ในทุกๆมื้อควรจะมีสารอาหารในอาหารคลีนของเราให้ครบ 5 หมู่อีกด้วย
กินคลีน กินอย่างไร
การทานอาหารคลีนนั้นคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการเน้นทานอาหารจำพวกผักในปริมาณเยอะๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น การกินอาหารคลีนเป็นการทานอาหารให้ครบสัดส่วน 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ ให้มีปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย
อาหารคลีน - ซูชิ
อาหารคลีนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ยึดติดกับรสชาติ แต่จะเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ในขั้นแรกนั้นควรเลือกทานอาหารที่คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เช่น จากเดิมเคยทานข้าวขาวก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง หรือเคยทานผลไม้กระป๋องเป็นประจำก็หันมาเลือกทานผลไม้สดแทน จากที่เคยดื่มชากาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน เป็นต้น
นอกจากนี้การทานอาหารคลีนนั้นเวลาจะเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหาร ควรเลือกที่ปลอดสารเคมี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย สารกันบูด วัตถุปรุงแต่ง หรืออาจจะเลือกซื้อวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคก็ได้ เพราะเป็นของที่ปลอดสารเคมีนั่นเอง อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเช่น น้ำอัดลม เบเกอรี่ เป็นต้น รวมทั้งอาหารมันอีกด้วย
อาหารคลีน - เนื้อหมูอนามัย
ประโยชน์ของอาหารคลีน
การทานอาหารคลีนแตกต่างจากอาหารทั่วไป เพราะต้องเลือกอาหารที่หลากหลายแต่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงได้รับสารอาหาร และคุณค่าทางอาหารครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าอาหารทั่วไปที่ผ่านการปรุงแต่งมาก อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายไม่ได้รับสารปนเปื้อนจากอาหารอีกด้วย ดังนั้นอาหารคลีนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
อาหารคลีน - ข้าวกล้อง
อาหารคลีนเหมาะกับใคร
อาหารคลีนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ และได้คุณค่าจากสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผัก และผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และยังเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุดหรือไม่ผ่านการปรุงแต่งเลย จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากอาหารเต็มที่ ส่งผลดีต่อสุขภาพ อาหารคลีนจึงเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักและรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง
อาหารคลีนกับการลดน้ำหนัก
อาหารคลีนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอม เพราะนอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ซึ่งถ้าเลือกทานอาหารคลีนในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วย นอกจากนี้อาหารคลีนยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่พบมากในอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสี โดยมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีนั่นเอง
อาหารคลีนช่วยลดน้ำหนัก
ตัวอย่างอาหารคลีน
อาหารคลีนนั้น ผู้ที่ทานสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลาย โดยสามารถเลือกวัตุดิบต่างๆ มาประยุกต์กับเมนูสุดโปรดได้ตามใจชอบ แต่วัตถุดิบนั้นต้องปราศจากการปรุงแต่ง และปลอดสารปนเปื้อน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ เหมือนกับตัวอย่างเมนูอาหารต่อไปนี้
1. บาร์บีคิวไก่แบบไม่เสียบไม้ ทานคู่กับผักสลัด หรือผลไม้ที่ชอบ เช่น สับปะรด กีวี่ เป็นต้น
ตัวอย่างอาหารคลีน
2. ไข่เจียวฟักทอง หรืออาจจะใช้ผักอื่นๆ ตามความชอบก็ได้
ตัวอย่างอาหารคลีน
3. สเต็กอกไก่กับล็อคโคลี่ลวก และแกงบวชฟักทอง
ตัวอย่างอาหารคลีน
จะเห็นได้ว่าอาหารคลีนนั้นเป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่เน้นประโยชน์มากกว่ารสชาติ ดังนั้นผู้ที่จะเริ่มต้นทานจึงไม่ควรยึดติดกับรสชาติอาหาร และควรให้ความใส่ใจกับการทานอาหารมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการคัดเลือกวัตถุดิบในอาหารนั้นต้องปลอดสาร ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ และวัตถุดิบแต่ละอย่างต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งต้องแบ่งสัดส่วนในอาหารให้พอดี โดยต้องมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และผัก ผลไม้ในปริมาณที่มีความสมดุลกัน ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้เต็มที่ พอดีกับความต้องการของร่างกายและมีพลังงานไว้ใช้ในกิจกรรมต่างๆระหว่างวันนั่นเอง
ดังนั้นอาหารคลีนจึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับวิถีชีวิตของคนในเมือง ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่สุขภาพเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วย เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนตรงตามความต้องการของร่างกาย แต่การที่ร่างกายจะมีสุขภาพที่ดีนั้น นอกจากควบคุมเรื่องการทานอาหารแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ถึงจะส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ระบบการทำงานต่างๆในร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง

ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากถึงพันล้านคน ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก 1 คน ใน 3 คนมีภาวะความดันโลหิตสูงและประชากรวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พบ มี 1 คน ใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมถึงคนไทยที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงร้อยละ 22 และได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1.56 พันล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็น 1 ในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 
      
       ในแต่ละปีประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคนี้ถึงเกือบ 8 ล้านคน ส่วนประชากรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้เสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 1.5 ล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนี้ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจอีกด้วย
      
       ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้แนะนำสมุนไพรไทยใกล้ตัวไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดินหลายเล่ม ซึ่งที่มีผลช่วยลดอาการความดันโลหิตสูง วันนี้จึงได้รวบรวมสมุนไพรที่น่าสนใจ 6 ชนิด มานำเสนอดังนี้
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
        “กระเจี๊ยบแดง” ความโดดเด่นของกระเจี๊ยบ คือ ไม่ว่ากระเจี๊ยบแดงจะงอกงาม ณ ประเทศไหน คนในประเทศนั้นจะมีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่เหมือนกัน คือ ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต เป็นยาขับปัสสาวะ และยังเชื่อว่ากระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณในการบำรุงไต และหัวใจ
      
       จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวันละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิต diastolic ลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว ดังนั้น ชากระเจี๊ยบจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
      
       นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน” (anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดนั่นเอง
      
       “คึ่นไฉ่” ชาวเอเชีย นิยมใช้คึ่นไฉ่เป็นยาลดความดันโลหิตมากว่า 2000 ปีแล้ว ชาวจีน ชาวเวียดนามแนะนำให้รับประทานคึ่นไฉ่วันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดคึ่นไฉ่เพื่อขับปัสสาวะสำหรับผู้ป่วยที่บวมน้ำ
      
       ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า คึ่นไฉ่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดจำนวนอสุจิ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับบั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ขับระดู เป็นต้น
      
       “บัวบก” เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากบัวบกทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยมีการไหลเวียนดีขึ้น มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถลดความดันโลหิตได้
      
       ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูข่าวเมื่อให้ทางหลอดเลือดดำ น้ำคั้นจากต้น และสารสกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวและสุนัข บัวบกยังทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและคนที่เป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งฤทธิ์คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
        “คาวตอง หรือพลูคาว” หมอยาทั่วไป ทั้งอีสาน ภาคเหนือ หรือไทยใหญ่มีความเชื่อว่าการกินคาวตองสดๆ กับน้ำพริก ลู่ ลาบ หรือใช้รากต้มกับปลาไหล รากตำเป็นน้ำพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผลในกะเพาะอาหาร
      
       พลูคาว นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมากตัวหนึ่ง ซึ่งจากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ต่างพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาวเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ของหมอยาพื้นบ้าน ในประเทศเกาหลีก็ได้มีการใช้พลูคาวเป็นยาลดความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการสะสมของไขมัน (atherosclerosis) และมะเร็งอีกด้วย
      
       “มะรุม” นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ รวมทั้งพบสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต เช่น niazinin A, niazinin B, niazimicin และ niaziminin A and B
      
       สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง ซี่งต้องกินอย่างต่อเนื่อง เช่น
      
       ตำรับที่ 1 นำรากมาต้มกินเป็นซุป 
      
       ตำรับที่ 2 นำยอดมาต้มกิน 
      
       ตำรับที่ 3 นำยอดอุ๊ปใส่เนื้อวัวกิน ซึ่งต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น 
      
       ตำรับที่ 4 นำรากมะรุมต้มกับรากย่านางกิน 
      
       ตำรับที่ 5 ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ (ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ยานี้จะช่วยลดความดัน เมื่อหยุดกินยาความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บริหารอวัยวะเพศชาย ง่ายด้วยปลายนิ้ว

บริหารอวัยวะเพศชาย ง่ายด้วยปลายนิ้ว
วันๆหนึ่ง ผู้ชายอย่างเราๆ ให้ความสำคัญกับออกกำลังกายมากพอดู แต่เราลืมออกกำลังกายอวัยวะไปส่วนใดไปส่วนหนึ่งหรือเปล่า?? หนอนน้อยของอย่างเราๆไงละครับ อย่าลืมว่าเจ้านอนน้อย ก็เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งเหมือนกัน หากขาดเจ้าหนอนน้อยไปแล้วจะเรียกว่าผู้ชายได้อย่างไรจริงไหมครับ ในเมื่อทุกส่วนของร่างกายมีวิธีออกกำลังในแต่ละส่วนแล้ว ทำไมเจ้าหนอนน้อยจะไม่มีละครับ
อย่างแรกต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ว่าต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป อย่ารีบร้อน มันอาจเป็นการอันตรายมากกว่าจะดีนะครับ เพราะอาจจะทำให้เจ้าหนอนน้อยเกิดอาการบาดเจ็บได้ ควรเริ่มทำวันละนิด แล้วค่อยๆเพิ่มดีกว่า
การบริหารท่าแรก ท่านี้ทำได้ง่ายๆครับ เพียงคุณค่อยๆเกรงกล้ามเนื้อรอบๆของทวารหนักแล้วค่อยๆคลายออกหรือที่เรียกว่า ขมิบ นั่นเองครับ อาจค่อยๆเริ่มจาก 5 นาที แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาเป็น 30 นาทีก็ได้ครับ โดยกล้ามเนื้อส่วนที่ได้ออกกำลังจากท่านี้ เป็นกล้ามเนื้อส่วนเดียวกับที่ใช้กลั้นปัสสาวะ การบริหารท่านี้จึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้แข็งแรงขึ้น และขณะคุณกำลังเกรงกล้ามเนื้อรอบๆทวารหนักในขณะเดียวกันนั้น จะเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังเลี้ยงยังเจ้าหนอนน้อยของคุณ ทำให้เจ้าหนอนน้อยอ้วนขึ้น และท่านี้ยังช่วยเพิ่มความอึดในการมีเพศสัมพันธุ์ของผู้ชายด้วยล่ะครับ
ก่อนจะเริ่มท่าต่อๆไป ให้คุณนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาพันเจ้าหนอนน้อยเพื่อเป็นการวอร์มก่อนนะครับ และอย่าลืมทำในที่ลับๆด้วย โดยเริ่มจากการทำมือของคุณให้เป็นสัญลักษณ์ OK ให้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือแตะกันเป็นตัว O แล้วก็บีบ ทำการยืดเจ้าหนอนน้อยของคุณเป็นเวลา 10-15 วินาที หลังจากนั้นก็ปล่อย แล้วเริ่มทำใหม่ ในขณะที่คุณค้างไว้ 10-15 นาทีนั้น ก็ทำการโยก ขึ้น ลง ซ้าย ขวาไปด้วย อย่าบีบรัดและยืดเจ้าหนอนน้อยจนเกินไปนะครับ อาจจะ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดเอาได้
ท่าต่อมา ให้ทำมือเหมือนท่าที่แล้วครับ เพียงแต่รูดเจ้าหนอนน้อยของคุณตั้งแต่โคนไปถึงหัวของเจ้าหนอนน้อย แล้วก็วนกับไปทำใหม่ แบบนี้ครับ เริ่มแรกอาจจะเริ่มที่ 25 ครั้ง แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนครั้ง ทุกๆ 7 วันครับ และในขณะที่คุณกำลังเลื่อนจากโคนไปยังหัวของเจ้าหนอนน้อยนั้น เลือดก็จะถูกผลักไปเลี้ยงยังส่วนปลายของเจ้าหนอนน้อยอีกด้วย และท่านี้จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับเจ้าหนอนน้อยของคุณ อีกด้วยละครับ
เจ้าหนอนน้อยของคุณก็เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ควรจะได้รับการดูแลอย่างมากนะครับพอๆกับส่วนอื่นๆ มั่นบริหารให้มันซะบ้าง ถึงภายนอกจะมองไม่เห็นว่าเจ้าหนอนของคุณมันกำยำ ล่ำสันเหมือนส่วนอื่นๆหรือไม่ แต่ถ้าหากเมื่อถึงเวลาที่จะใช้มันจริงๆ มันจะได้ไม่งอแงให้ขายหน้า แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะครับ