วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศ

คนไทยเราส่วนใหญ่รู้จัก น้ำผึ้ง ในฐานะยาอายุวัฒนะ  หรืออาหารเสริมบำรุงร่างกาย มาช้านาน และใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง ในการส่งเสริมการเจริญเติบโต การฟื้นฟูระบบต่างๆของร่างกายที่สึกหรอไป หรือใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศมีความเกี่ยวข้องกัน และคนสมัยโบราณได้ใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง เพื่อเป็นยาบำรุงสุขภาพทางเพศมาช้านาน วันนี้เรามารู้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศกัน
728000-topic-ix-3
ประโยชน์ของ น้ำผึ้ง กับสุขภาพทางเพศ
1. น้ำผึ้ง จะอุดมด้วยสารที่กระตุ้นทางเพศมากมายหลายชนิด เพราะตัวผึ้งจะรวบรวมเอาน้ำหวานและสารอาหารเหล่านี้จากมวลดอกไม้นานาพรรณ เช่น ดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้ ฯลฯ และสารเหล่านี้สามารถใช้ในการปรับปรุงสุขภาพทางเพศของคนเราได้
2. น้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้ผ่านความร้อน จะอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศอ่อนๆ ตามธรรมชาติ และยังมีสารและแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น สังกะสี , วิตามินบี และอี ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของร่ายการ และสร้างเสริมสุขภาพทางเพศให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญไขมันภายในร่างกายให้กลายเป็นน้ำตาล ช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
3. วิตามินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญภายในน้ำผึ้ง จะช่วยเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนเพศชาย ที่มีชื่อว่า Testosterone และสารโบรอนในน้ำผึ้งช่วยให้ร่างกายที่สร้างฮอร์โมน Estrogen ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการเร้าอารมณ์ทางเพศ
4. หากเรารับประทานน้ำผึ้งและกระเทียมก่อนนอนเป็นประจำจะช่วยให้เรานอนหลับง่าย และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดียิ่งๆขึ้น
5. สำหรับผู้ที่มีบุตรยากเนื่องจากฝ่ายชายมีจำนวนตัวอสุจิต่ำ การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มจำนวนตัวอสุจิให้สูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวอสุจิ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกายที่มีหน้าที่ในการผลิตอสุจิทำงานดีขึ้นฮันนี่
6. การรับประทานน้ำผึ้งผสมกับน้ำผลไม้ วันละ 2 ช้อนโต๊ะเช้าเย็น จะทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายชายมีความแข็งตัวได้ดี
7. การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้น
เมื่อทราบคุณประโยชน์มากมายของน้ำผึ้งกับสุขภาวะทางเพศแล้ว คุณจะไม่หามาลองรับประทานซักหน่อยหรือ?

วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ

 อาหารคลีน (Clean Food) หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า กินคลีน (Eat Clean, Clean Eating) คือ การทานอาหารที่สด สะอาด โดยเน้นการทานอาหารแบบธรรมชาติไม่ผ่านการปรุงแต่งและขัดสีด้วยสารเคมีต่างๆ หรือกระบวนการหมักดอง รวมถึงอาหารขยะและอาหารสำเร็จรูป ที่จะมีปริมาณแป้ง ผงชูรสและโซเดียมในปริมาณสูง
อาหารคลีน - ผักสด
หรืออาจพูดให้เข้าใจได้ง่ายว่า การทานอาหารคลีนนั้นเป็นการกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ โดยทานอาหารอย่างพอเพียงครบสัดส่วนทั้ง 5 หมู่ และอาหารเหล่านั้นต้องไม่มีสารปนเปื้อนนั่นเอง ซึ่งอาหารคลีนนั้นอาจผ่านการปรุงแต่งบ้างเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ผ่านการปรุงแต่งเลยก็เป็นได้ เช่นใช้เกลือในการปรุงอาหารรสเพียงเล็กน้อยแทนน้ำปลา หรืออาจจะเป็นซีอิ๊วขาวชนิดที่ไม่มีผงชูรสเจือปน และจะไม่ใช้ผงชูรสในการปรุงอาหาร เป็นต้น
ตัวอย่างของวัตถุดิบที่จะนำมาทำอาหารคลีน
  • ผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษ
  • เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆที่สดและสะอาด
  • ข้าวกล้องไม่ขัดสี และ ธัญพืชต่าง ๆ
  • น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดที่มีกรดไขมันชนิดดี ใช้แทนน้ำมันปาล์มได้เลย (แต่แอบราคาสูงกว่าพอควรเลย) และควรใช้ในปริมาณที่น้อย
อีกทั้งในการปรุงอาหารไม่ควรปรุงให้อาหารคลีนของเรานั้นมีรสจัดจนเกินไป และ ในทุกๆมื้อควรจะมีสารอาหารในอาหารคลีนของเราให้ครบ 5 หมู่อีกด้วย
กินคลีน กินอย่างไร
การทานอาหารคลีนนั้นคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่า เป็นการเน้นทานอาหารจำพวกผักในปริมาณเยอะๆ แต่แท้จริงแล้วนั้น การกินอาหารคลีนเป็นการทานอาหารให้ครบสัดส่วน 5 หมู่ โดยเน้นทานอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักและผลไม้ ให้มีปริมาณที่พอเหมาะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย
อาหารคลีน - ซูชิ
อาหารคลีนนั้นส่วนใหญ่จะไม่ยึดติดกับรสชาติ แต่จะเน้นความเป็นธรรมชาติมากกว่า ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารใหม่ทั้งหมด โดยค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ ในขั้นแรกนั้นควรเลือกทานอาหารที่คงความเป็นธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด เช่น จากเดิมเคยทานข้าวขาวก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้อง หรือเคยทานผลไม้กระป๋องเป็นประจำก็หันมาเลือกทานผลไม้สดแทน จากที่เคยดื่มชากาแฟก็เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้แทน เป็นต้น
นอกจากนี้การทานอาหารคลีนนั้นเวลาจะเลือกซื้อวัตถุดิบหรืออาหาร ควรเลือกที่ปลอดสารเคมี ไม่ใช้วัตถุกันเสีย สารกันบูด วัตถุปรุงแต่ง หรืออาจจะเลือกซื้อวัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิคก็ได้ เพราะเป็นของที่ปลอดสารเคมีนั่นเอง อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเช่น น้ำอัดลม เบเกอรี่ เป็นต้น รวมทั้งอาหารมันอีกด้วย
อาหารคลีน - เนื้อหมูอนามัย
ประโยชน์ของอาหารคลีน
การทานอาหารคลีนแตกต่างจากอาหารทั่วไป เพราะต้องเลือกอาหารที่หลากหลายแต่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งมากนัก ดังนั้นผู้ที่ทานอาหารคลีนจึงได้รับสารอาหาร และคุณค่าทางอาหารครบถ้วนสมบูรณ์มากกว่าอาหารทั่วไปที่ผ่านการปรุงแต่งมาก อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายไม่ได้รับสารปนเปื้อนจากอาหารอีกด้วย ดังนั้นอาหารคลีนจึงส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
อาหารคลีน - ข้าวกล้อง
อาหารคลีนเหมาะกับใคร
อาหารคลีนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ และได้คุณค่าจากสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผัก และผลไม้ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และยังเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุดหรือไม่ผ่านการปรุงแต่งเลย จึงทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากอาหารเต็มที่ ส่งผลดีต่อสุขภาพ อาหารคลีนจึงเหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนักและรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง
อาหารคลีนกับการลดน้ำหนัก
อาหารคลีนเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนอยากผอม เพราะนอกจากจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ซึ่งถ้าเลือกทานอาหารคลีนในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายไปด้วย นอกจากจะช่วยลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีอีกด้วย นอกจากนี้อาหารคลีนยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งเป็นสารที่พบมากในอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสี โดยมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถทำงานได้ดีนั่นเอง
อาหารคลีนช่วยลดน้ำหนัก
ตัวอย่างอาหารคลีน
อาหารคลีนนั้น ผู้ที่ทานสามารถเลือกทานอาหารได้หลากหลาย โดยสามารถเลือกวัตุดิบต่างๆ มาประยุกต์กับเมนูสุดโปรดได้ตามใจชอบ แต่วัตถุดิบนั้นต้องปราศจากการปรุงแต่ง และปลอดสารปนเปื้อน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ เหมือนกับตัวอย่างเมนูอาหารต่อไปนี้
1. บาร์บีคิวไก่แบบไม่เสียบไม้ ทานคู่กับผักสลัด หรือผลไม้ที่ชอบ เช่น สับปะรด กีวี่ เป็นต้น
ตัวอย่างอาหารคลีน
2. ไข่เจียวฟักทอง หรืออาจจะใช้ผักอื่นๆ ตามความชอบก็ได้
ตัวอย่างอาหารคลีน
3. สเต็กอกไก่กับล็อคโคลี่ลวก และแกงบวชฟักทอง
ตัวอย่างอาหารคลีน
จะเห็นได้ว่าอาหารคลีนนั้นเป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพที่เน้นประโยชน์มากกว่ารสชาติ ดังนั้นผู้ที่จะเริ่มต้นทานจึงไม่ควรยึดติดกับรสชาติอาหาร และควรให้ความใส่ใจกับการทานอาหารมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการคัดเลือกวัตถุดิบในอาหารนั้นต้องปลอดสาร ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติ และวัตถุดิบแต่ละอย่างต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งต้องแบ่งสัดส่วนในอาหารให้พอดี โดยต้องมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และผัก ผลไม้ในปริมาณที่มีความสมดุลกัน ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้เต็มที่ พอดีกับความต้องการของร่างกายและมีพลังงานไว้ใช้ในกิจกรรมต่างๆระหว่างวันนั่นเอง
ดังนั้นอาหารคลีนจึงเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับวิถีชีวิตของคนในเมือง ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่สุขภาพเป็นอย่างมาก รวมถึงผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักด้วย เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนตรงตามความต้องการของร่างกาย แต่การที่ร่างกายจะมีสุขภาพที่ดีนั้น นอกจากควบคุมเรื่องการทานอาหารแล้ว ยังต้องหมั่นออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย ถึงจะส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ระบบการทำงานต่างๆในร่างกายมีความสมดุลมากขึ้น

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง

ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมากถึงพันล้านคน ซึ่งสองในสามของจำนวนนี้อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก 1 คน ใน 3 คนมีภาวะความดันโลหิตสูงและประชากรวัยผู้ใหญ่ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็พบ มี 1 คน ใน 3 คน ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงรวมถึงคนไทยที่อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึงร้อยละ 22 และได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วทั้งโลกจะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 1.56 พันล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็น 1 ในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร 
      
       ในแต่ละปีประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคนี้ถึงเกือบ 8 ล้านคน ส่วนประชากรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้เสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูงประมาณ 1.5 ล้านคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนี้ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจอีกด้วย
      
       ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้แนะนำสมุนไพรไทยใกล้ตัวไว้ในหนังสือบันทึกของแผ่นดินหลายเล่ม ซึ่งที่มีผลช่วยลดอาการความดันโลหิตสูง วันนี้จึงได้รวบรวมสมุนไพรที่น่าสนใจ 6 ชนิด มานำเสนอดังนี้
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
        “กระเจี๊ยบแดง” ความโดดเด่นของกระเจี๊ยบ คือ ไม่ว่ากระเจี๊ยบแดงจะงอกงาม ณ ประเทศไหน คนในประเทศนั้นจะมีการใช้กระเจี๊ยบแดงที่เหมือนกัน คือ ใช้เป็นยาลดความดันโลหิต เป็นยาขับปัสสาวะ และยังเชื่อว่ากระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณในการบำรุงไต และหัวใจ
      
       จากการทดลองในสัตว์และมนุษย์ พบว่า กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ขับยูริค รวมทั้งลดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะภายหลังการผ่าตัดในไตได้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการดื่มชากระเจี๊ยบวันละ 2 - 3 ครั้ง สามารถลดความดันโลหิต diastolic ลงตั้งแต่ร้อยละ 7.2 ถึง 13 เลยทีเดียว ดังนั้น ชากระเจี๊ยบจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
      
       นักวิทยาศาสตร์วิจัยพบว่า การที่กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ เนื่องมาจากสาร “แอนโธไซยานิน” (anthocyanins) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดนั่นเอง
      
       “คึ่นไฉ่” ชาวเอเชีย นิยมใช้คึ่นไฉ่เป็นยาลดความดันโลหิตมากว่า 2000 ปีแล้ว ชาวจีน ชาวเวียดนามแนะนำให้รับประทานคึ่นไฉ่วันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดคึ่นไฉ่เพื่อขับปัสสาวะสำหรับผู้ป่วยที่บวมน้ำ
      
       ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่า คึ่นไฉ่มีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดจำนวนอสุจิ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับบั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ขับระดู เป็นต้น
      
       “บัวบก” เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากบัวบกทำให้การไหลเวียนของเลือดทั้งในหลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยมีการไหลเวียนดีขึ้น มีคุณสมบัติขยายหลอดเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถลดความดันโลหิตได้
      
       ทั้งนี้ มีรายงานการวิจัยที่สนับสนุนว่า สารสกัดเอทานอลจากต้นบัวบก มีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูข่าวเมื่อให้ทางหลอดเลือดดำ น้ำคั้นจากต้น และสารสกัดด้วยน้ำมีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวและสุนัข บัวบกยังทำให้หลอดเลือดดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อคนที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดและคนที่เป็นริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อระบบประสาท ทำให้การเรียนรู้ดีขึ้น มีฤทธิ์คลายความเครียด ซึ่งฤทธิ์คลายความเครียดนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงด้วย
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง
        “คาวตอง หรือพลูคาว” หมอยาทั่วไป ทั้งอีสาน ภาคเหนือ หรือไทยใหญ่มีความเชื่อว่าการกินคาวตองสดๆ กับน้ำพริก ลู่ ลาบ หรือใช้รากต้มกับปลาไหล รากตำเป็นน้ำพริกกินจะเป็นยารักษาโรคได้ เช่น ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ริดสีดวงทวาร แผลในกะเพาะอาหาร
      
       พลูคาว นับเป็นผักสมุนไพรที่มีการศึกษาวิจัยและจดสิทธิบัตรมากตัวหนึ่ง ซึ่งจากการวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ต่างพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของพลูคาวเช่นเดียวกับการใช้ประโยชน์ของหมอยาพื้นบ้าน ในประเทศเกาหลีก็ได้มีการใช้พลูคาวเป็นยาลดความดันโลหิตสูง ภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเนื่องจากมีการสะสมของไขมัน (atherosclerosis) และมะเร็งอีกด้วย
      
       “มะรุม” นับเป็นอาหารสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด โดยจากประสบการณ์การใช้ของชาวบ้านทั้งในไทยและต่างประเทศ และการศึกษาทางเภสัชวิทยา พบว่า ส่วนของใบและรากของมะรุม มีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิตได้ รวมทั้งพบสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต เช่น niazinin A, niazinin B, niazimicin และ niaziminin A and B
      
       สำหรับตำรับยาแก้ความดันโลหิตสูง ซี่งต้องกินอย่างต่อเนื่อง เช่น
      
       ตำรับที่ 1 นำรากมาต้มกินเป็นซุป 
      
       ตำรับที่ 2 นำยอดมาต้มกิน 
      
       ตำรับที่ 3 นำยอดอุ๊ปใส่เนื้อวัวกิน ซึ่งต้องเป็นเนื้อวัวเท่านั้น 
      
       ตำรับที่ 4 นำรากมะรุมต้มกับรากย่านางกิน 
      
       ตำรับที่ 5 ใช้ยอดมะรุมสด โดยจะเป็นยอดอ่อนหรือยอดแก่ก็ได้ นำมาโขลกคั้นเอาน้ำ (ถ้าไม่มีน้ำให้เติมน้ำลงไปพอให้เหลวข้น) ผสมน้ำผึ้งพอหวาน กินวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ยานี้จะช่วยลดความดัน เมื่อหยุดกินยาความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก จึงต้องกินอย่างต่อเนื่อง
5 สมุนไพรไทย...พิชิตความดันโลหิตสูง